วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ประสบการณ์งานบอล + ความผิดพลาดของข้าพเจ้า

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 มค. 51) ก็มีงานบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ จัดขึ้น อย่างที่หลายๆ คนรู้กันอยู่ และหลายๆ คนก็ไปร่วมงานมาด้วย เราเองก็มีประสบการณ์"ความทรงจำที่จะไม่ลืมเลือน"กับงานบอลครั้งนี้ (แต่อาจจะแตกต่างจากเพื่อนๆ หน่อยนึง) ...

เนื่องด้วยวันก่อนหน้านั้น มีอาการท้องเสียนิดนึง (ถึงปานกลาง) ประกอบกับตอนเช้ากินแค่ซุปรองท้อง ตอนที่ต่อแถวกันเยอะๆ ก่อนขึ้นแสตนด์ (ที่คนเบียดๆอ่ะ) อยู่ดีๆ เราก็เวียนหัว และรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาดื้อๆ ก็เลยไปนั่งพัก พอพักมันก็หาย พอลุกขึ้นมามันก็เป็นอีก เป็นอยู่ซ้ำๆ แบบนี้จนไม่รู้จะทำยังไง รอจนใกล้เข้าไปก็ไปต่อแถวเพื่อน แต่กำลังจะขึ้นแสตนด์แล้ว อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการอยากอ้วกขึ้นมา แต่...มันไม่มีอาไรในท้องเลย ก็เลยได้นั่งดมยาดมขณะที่เพื่อนๆ ขึ้นไปก่อนแล้ว - -" (ก็มีกันนั่งอยู่เป็นเพื่อน)

นั่งสักพักก็รู้สึกว่าดีขึ้น ด้วยความที่อยากได้ "ถุงยังชึพ" อันเลื่องลือ ก็เลยตัดสินใจขึ้นแสตนด์ ซึ่ง...เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากๆ เพราะขึ้นไป ทั้งๆที่มีคอนเสิร์ต มีวงดนตรี แต่ทำไมเราถึงรู้สึกเพลียและเหนื่อยและพะอืดพะอมได้ขนาดนี้นะ ? ก็ขึ้นๆไปนั่งเหม่อๆ สภาพเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต แถมในท้องก็โครกครากมีอาการอยากเข้าห้องน้ำตลอดเวลา สักพักก็มีข้าวกล่องมาแจก กันก็เออ...กินดิ จาได้ดีขึ้น เราก็กินๆๆ (ซึ่งเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งที่ 2) เพราะนอกจากยังไม่หายพะอืดพะอม ตอนนี้เรายังมีอาไรในท้องให้ออกมาแล้วววว - -" ดังนั้น เมื่อนั่งไปสักพัก ในขณะที่กำลังแปลเพลต (ที่เค้าสั่งให้นิ่งๆอะ) เราก็ร้อนรนขอถุงกะสต๊าฟเป็นการด่วน เนื่องจากไม่ไหวแล้วววววว... (-O-)

ยังดีที่นั่งอยู่ริมเลยคุยกะสต๊าฟสะดวกและได้ถุงมาทัน (ไม่ลำบากคนรอบข้าง...รึป่าว) แต่ก็ต้องหาคนมานั่งแทนอะ เพราะตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยออกมานั่งพักข้างนอก รอจนบอลเริ่มก็เลยกลับหอเป็นการด่วน นั่งแท็กซี่มา มีกันมาส่ง ระหว่างทางเราก็บ่นตลอดว่าอดได้ถุงยังชีพที่ใฝ่ฝัน TT.TT ในนั้นมีของโครตเยอะอ่า โครตหนักเลย (อีนี่...ยังไม่เลิกงก)

พอกลับถึงหอเท่านั้นแหละ เราเข้าห้องน้ำไปกี่รอบไม่รู้อ่ะ นับไม่ถ้วน รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆๆ คือถ่ายจนมันเหลือแต่น้ำเปล่า...น้ำเปล่าจริงๆ ก็ยังถ่ายอยู่ อ้วกด้วยอ่า (อ้วกจะไม่เหลืออาไรในท้องแล้ววว ทั้งวันก็กินอยู่แค่นั้น) เราก็แบบตกใจมากๆ อยู่คนเดียวนี่หว่า ทำไงดี ไอ้เราไม่เคยเป็นแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่อยู่หอด้วยกันอ่า ไม่มีใครอยู่หอเลย (ก็ยากอยู่ วันงานบอลนี่นา) สงสัยเสียงเราจะแย่มาก เพื่อนก็ตกใจ โทรติดต่อกันจนหาคนที่อยู่หอได้ คือโอ๊ค (บางคนคงรู้จัก ที่เป็นหลีดหมออ่ะ) ก็เลยวานโอ๊คไปซื้อยาอิโมเดียม (แก้ท้องเสียเฉียบพลันมา) หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งที่ 3 ของเรา - -"

พอได้ยามา เราก็กินไปเลย 3 เม็ด แล้วก็กินยาฆ่าเชื้อ กินเกลือแร่อีก (แต่ก็ยังไม่หายท้องเสียอ่ะนะ...งง) แล้วก็นอนพักผ่อน สภาพแย่มากๆ นั่นละคือวันงานบอลของเรา (ที่ควรจะสนุกสนานและได้ของฟรี !!!)

วันต่อมา วันอาทิตย์ (ซึ่งควรเป็นวันที่เราต้องอ่านหนังสือ...ได้ข่าวว่าสอบพุธถัดไป และยังไม่ได้อ่านหนังสือซักตัว) เราก็ยังไม่หายจากท้องเสีย (ซึ่งเราคิดว่าคืออาการนั้น) และเราก็ไข้ขึ้น หนาวสั่น และไม่มีแรงแม้แต่จะหาอะไรกิน ก็เลยได้แต่นอนอยู่อย่างนั้นอ่ะ ในใจก็เครียดนะ โครตเครียด แบบ แล้วกรูจาเอาอาไรไปสอบ (วะ) เนี่ย แต่สภาพมันก็ไม่ไหวอะ เราก็เลยต้องอยู่อย่างนั้น กินของประทังชีวิตนิดๆหน่อยๆ ตอนเย็น กะเหลือแร่ แล้วก็นอน (สารภาพว่าไม่ได้อาบน้ำ 55)

พอวันจันทร์มาก็เริ่มดีขึ้น เริ่มมีแรงออกไปหาอะไรกิน ด้วยความเนิร์ดและยังเพลียอยู่ เราก็เลยไม่ได้ไปเรียน อยู่หออ่านหนังสือกะฟังไฟล์เสียงตั้งแต่ 7 โมงเช้ายัน 3-4 ทุ่ม .... (ทำไปได้ วิชญานี เนิร์ดมาก) แต่ก็นะ 5 ชีทเลยนะ ไม่ใช่น้อยๆ สภาพดีขึ้นก็จริง แต่ก็ยังไม่หายดี ก็ได้แต่อ่านผ่านๆ นับว่าเราคิดถูกที่อ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่ง เพราะนั่นเป็นวันเดียวที่เราได้อ่านหนังสือเต็มที่ เรารู้สึกดีใจนะที่อ่านได้มากขนาดนั้น เราก็เลยฉลองกะตัวเองตอนเย็นด้วยการกิน เฉาก๊วย(ที่รสชาติแปลกหน่อยๆ) ซูชิ และแซลมอนดิบ (ร่างกายไม่ให้แต่ใจต้องการนี่นา) และนั่นเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งที่ 4 ของเรา

พอวันต่อมา (วันอังคาร) สภาพก็กลับมาแย่เหมือนวันเสาร์อ่า ท้องเสียรุนแรงและจะอ้วกตอดเวลา กินก็ไม่ค่อยได้ ก็เลยกินอิโมเดียมไปอีกเม็ด (ความผิดพลาดครั้งที่ 5) โหวันนั้นเราเครียดจริงจัง แบบ จะสอบพรุ่งนี้แล้ว ไม่มีความพร้อมอยู่ในอณูร่างกายเลยสักนิดเดียว เครียดจนตอนเย็นที่นั่งคุยกะเพื่อน (วันนั้นมีดูคลินิกเลยต้องหอบสังขารตัวเองไปตอนบ่าย) จู่ๆ เราก็ร้องไห้ออกมา เพือนๆ ดูตกใจ เราเองก็ตกใจนะ จนตอนเย็นก็เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล...

พอคุยกับหมอเท่านั้นแหละ ความจริงทุกอย่างก็กระจ่าง...

อาการที่เราเป็นคืออาหารเป็นพิษ (แอบรู้มาบ้างจากการคาดเดาและคำบอกเล่าจากเพื่อนๆ) สำหรับเราไม่รู้ว่าทานอะไรมาเหมือนกัน (สำหรับรอบแรก) แต่รอบสองที่เป็นน่าจะมาจากเฉาก๊วยและแซลมอนดิบ อาการคือจะท้องเสีย และอ้วก อาการมีหลายระดับ ของเราเป็นแรงอยู่เหมือนกันเพราะเป็นมาตั้งนานแล้ว (ทนอยู่ได้ไง) พอบอกหมอว่ากินอิโมเดียมไปเท่านั้นแหละ หมอตกใจเลย และบอกว่า นั่นน่ะ เป็นยา"ต้องห้าม" สำหรับคนอาการเป็นพิษเชียวนะ เพราะมันจะไปอุดตัน ทำให้เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงมีไข้ตามมาในวันอาทิตย์...

ไอ้เราก็แบบ เฮ้ย แย่แล้ว วันนี้พึ่งกินไปอีกเม็ด งั้นพรุ่งนี้สอบไม่แย่หรอเนี่ย ? ก็เลยคุยกับหมอว่าพรุ่งนี้มีสอบ ทำยังไงก็ได้ให้อาการดีขึ้นเร็วที่สุด หมอก็เลยให้ยาเข้ากระแสเลือด (เอายาผสมกับน้ำเกลือแล้วฉีดเข้าเส้นเลือด) ตอนฉีดโครตเจ็บ (พยาบาลหาเส้นไม่เจอ - -") แต่นอนๆ รอก็สนุกดี (เกือบหลับ) พอเสร็จแล้วเราก็รู้สึกดีขึ้น มีอาการกระปรี้กระเปร่า (หลังจากที่ตายซากมาหลายวัน) แล้วก็ไม่พะอืดพะอมแล้ว แต่ยังท้องเสียอยู่ ก็เลยได้ยามากินอีก (ยาแรงกว่าเดิม เพราะหมอบอกว่าของเราเชื้อมันไปทั่วร่างกายแล้ว และอยู่ลึก อืม น่ากลัวจริงๆ) กลับมาก็นอนอ่านหนังสือนิดหน่อยและหลับไปตอนเที่ยงคืนด้วยความเหนื่อย

ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเราเป็นบ้าอะไร ตื่นมาตีสอง ด้วยความรน เราก็เลยอ่านหนังสือ (ชีทแรกอะ) อ่านถึงตีสี่ พอจะนอน นอนไม่หลับอะ ในหัวมันมีอะไรอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้เพราะความเครียด หรือฟุ้งซ่าน หรือพิษไข้ (ที่กำลังจะเป็นอีกในวันถัดมา) กว่าจะผล็อยหลับไปอีกก็ตีห้าครึ่ง

ตื่นมาตอนเช้า วันสอบเท่านั้นแหละ แม่เจ้า !!! ปวดหัวสุดๆ ไอ้เราก็เครียดมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วอะ นี่วันสอบนะยะ ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเราปลงมากๆ ก็เลยหอบสังขารไปสอบในสภาพครึ่งผีครึ่งคน จะบอกว่าตอนทำข้อสอบแทบไม่มีสมาธิเลยอะ ทั้งจะเข้าห้องน้ำ ทั้งจะอ้วก ทั้งปวดหัว (ถ้าคะแนนออกมาแย่คงไม่แปลก) ก็เลยรีบๆ ทำ ชม.นิดๆ เสร็จปุ๊บ ก็ออกมา และหายไปจากสารบบเพื่อนๆ (กลับไปนอนสลบ) แต่อาการฟุ้งซ่านยังไม่หายอะ เรานอนไม่หลับเลย ใจมันคิดบ้าอาไรไม่รู้ วนไปเวียนมาอยู่นั่น... ตอนเย็นไปหาไรกิน อยู่ดีๆเราก็มีอาการอยากอ้วกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเวลาเห็นอาหารอะ แบบตกใจมากก !!! นี่วิชญานีนะ วิชญานีเบื่ออาหาร !!! รู้ถึงไหนอายถึงนั่น - -" คือวันนั้นเป็นวันที่นรกที่สุดแล้ว

วันพฤหัสก็ยังเบื่ออาหาร และเพลียๆ อยู่ แต่อาหารเป็นพิษหายแล้ว

วันศุกร์หายแล้ว... (แต่พรีเซนส์อังกฤษได้ห่วยแตกมาก อยากระบาย รู้สึกแย่อะ ก็เราไม่ได้เตรียมตัวจริงๆ นั่นแหละ ทำเสร็จปุ๊บก็หลับแบบไม่รู้ตัวเลย มันยังไม่หายไข้เลยนะ ทำไมชีวิตชั้นถึงทรมานขนาดนี้ ไม่ได้ท่องสคริปไปตามระเบียบ โดนตัดคะแนนเละแน่) แต่ยังไงก็รู้สึกดีใจนะที่หาย เพราะไม่สบายครั้งนี้เป็นอาไรที่แย่จริงๆ

มันแย่จนเราต้องมาเขียนระบายในบล็อคเลยล่ะ - -"

บ่นยาวมากเลยนะเนี่ย (ตกใจ)

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ฉันชอบที่สุด...

แน่นอน...เพื่อนๆหลายคนรู้ว่าเราเป็นคนที่ชอบกิน โปรดปรานกับการกิน และมีความสุขกับการกินมากๆ ^^


เราไม่ใช่คนตะกละ ไม่ใช่คนกินเก่ง (แต่อ้วน - -") แต่เราก็มีความสุขเวลาที่ได้กินอะไรที่ตัวเองชอบ (หรือใครจะเถียงว่าเวลากินของโปรดแล้วไม่มีความสุขฮึ ?) เกือบทุกวันเวลากลางคืน ถ้าเราว่างๆ เราจะชอบวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะกินอะไรดี...ที่ต้องวางแผนก็เพราะอยากให้มันเหมาะกับเวลาและเงินที่เหลืออยู่ และมันก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆ อย่างนึงของเราด้วย ><~

ถ้าจะถามว่าเราชอบกินอะไร ก็ตอบได้ว่า "เยอะ"
แต่...ถ้าถามว่าชอบกินอะไรมากที่สุด อืมมมม...นั่งนึก นอนนึก ตัดสินใจ...แล้วก็ตอบว่า "ซูชิ" !!!
เพื่อนๆหลายคนคงรู้ว่าเราชอบกินซูชิมากถึงขนาดเอาไปตั้งเป็นชื่อสุนัขสุดที่รักที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน (เวลาหิวๆนี่กระโดดงับหมาได้เลย) ><~ แต่จะมีซักกี่คนรู้ว่าเมื่อก่อนเราไม่กินซูชิเลย !!!
แล้วทำไมจากไม่กินถึงกลายมาเป็นคลั่งได้ขนาดนี้ ???
ทำไม(วะ)...เนี่ยยย
เราเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก ยกเว้นซูชิ เพราะรู้สึกว่าปลาดิบมันดูยึ๋ยๆ น่ากลัวๆ ยังไงไม่รู้ แล้วก็มีวาซาบิอีกตะหาก จนโตขึ้นมาเรื่อยๆ ม.5 ตอนนั้นอยู่ BTS อ่อนนุช กับเพื่อนชายคนสนิท (คนที่พวกคุณก็รู้ว่าใคร 55) ใต้สถานีมันก็มีซูชิแผงลอยขายอ่า อันละ 10 บาท เดินผ่าน เพื่อนก็บอกว่าเจ้านี้อร่อยนะ ลองกินดู ก็เลยหันไปมองๆ เค้ากะลังทำสดๆเลยอ่ะ ก็เข้าไปดู เนื้อปลามันดูสดมากมาย ก็เลยลองซื้อมาทานดู คำแรกที่ทาน จำได้ๆ หน้าทูน่า ไข่ปลา มายองเนสนิดนึง กัดไป หูววว!! อร่อย!!! ก็เลยลองชิ้นที่สอง จำได้ว่าปลาไหล ทานเข้าไป...เท่านั้นแหละ... I LOVE SUSHI !!! ><~ ปลาไหลเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ พระเจ้า !! ไม่เชื่อลองกินดูนะ 55 นั่นละ หลังจากนั้นกินชิ้นอื่นต่อ อะไรบ้างไม่รู้ (จำได้ก็เว่อแล้วววว) จนหมด ก็เลยกลายเป็นคนชอบซูชิโดยปริยาย (โดยเฉพาะหน้าปลาไหล 555)





นั่งอัพบล๊อคไปๆมาๆ หิวขึ้นมาเลย - -"
ว่าแต่อัพแบบนี้ถูกป่ะเนี่ย - -"

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

**Happii New Year 2009**



สวัสดีปีใหม่ 2552 นะทุกคน !!!
หวังว่าจะมีความสุขกันหลังสอบมิดเทอมเสร็จ T.T (คิดแล้วเศร้า)
ปีใหม่ไปเที่ยวไหนกันมั่ง ก็...อย่าลืมของฝากนะ 555+

สำหรับเรา ปีใหม่ก็ไม่มีรัยมาก
ตั้งแต่สอบเสร็จ ก็ไประยองทันที (ไปกะเพื่อนๆที่กลับมาจากทุน คนนึงมาจากสเปน อีกคนมาจากอียิปต์)
ไปนอนๆ กินๆ เล่นไพ่ๆ อ่านนิยายๆ กินๆ กินๆ กินๆ -*-

มาจากระยองก็อยู่ในสภาพโทรมเต็มที่ จนตื่นสาย (จนไม่ได้ไปเรียนวันจันทร์) - -
แล้วก็เดินทางกลับบ้านเกิด (ศรีสะเกษ) ทันที (กลับไปพักฟื้น ซ่อมแซมสภาพความเสื่อมโทรม)
ไป กินๆ กินๆ กินๆ นอนๆ นอนๆ นอนๆ เล่นๆ เล่นๆ เล่นๆ ฉลองปีใหม่ๆ ๆๆ

รู้สึกดีจริงๆ รู้สึกว่านี่จะเป็นครั้งแรกหลังจากนานมาแล้ว ที่ทุกคนในบ้านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันซะที
(หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานมากกกกก)

อืมมมม...สำหรับแผนที่วางไว้ว่าจะทำช่วงปีใหม่ ที่หยุดอันน้อยนิด ก็มี
-อ่านนิยาย การ์ตูน
-หารัยกินอร่อยๆๆ (แบบที่กรุงเทพไม่มี 55+)
-คิดแพลนห้องเชียร์ไปพลางๆ
-นอนเต็มที่ (แบบที่จะไม่ได้ทำไปอีกนาน -*-)
-แต่งนิยาย
-เม้นท์บล็อคเพื่อน !!!

อืมมมม...คงมีแค่นี้แหละ
สุดท้ายนี้...

HAPPY NEW YEAR 2009 NA JA

Wish you all the best of what the best can be.
Get A jaa *-*

Niice

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

WelcOme**

Welcome to my blog naa ,,,

พึ่งเคยเขียนครั้งแรก 555+
แวะเข้ามาแล้ว เม้นให้ด้วยน๊า ><~


(ยังเล่นไม่เป็นเลย - -)